วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561

3. กระแสโลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนแปลงโลก



ระแสโลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนแปลงโลก



                  ลักษณะของสังคมโลกปัจจุบัน และกระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกสู่กรอบแกนกลาง
ในสัปดาห์นี้จะได้นำเสนอ ”กระแสโลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก” โดยครอบคลุมสาระ 2 เรื่อง คือ ลักษณะของสังคมโลกปัจจุบัน และกระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกเข้าสู่กรอบเกณฑ์กลาง ดังจะได้นำมาอธิบายตามลำดับดังนี้

1.ลักษณะของสังคมโลกปัจจุบัน 

                   ในหนังสือชื่อ Megatrends: Ten New Directions Transforming Our Lives(ค.ศ. 1984)  จอห์น แนสบิท  (John Naisbitt กล่าวถึงสังคมยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21มีลักษณะดังนี้

                              1) เป็นสังคมข่าวสาร   ในโลกปัจจุบันข้อมูลข่าวสารที่ได้รับการเผยแพร่ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านสื่อต่างๆ จำนวนมากมายมหาศาล และกระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วโลก ทำให้ประชากรโลกได้รับรู้ข้อมูลจากสังคมอื่นๆอย่างสะดวก จึงเกิดการเรียนรู้อย่างกว้างขวาง เกิดสิ่งที่เรียกว่าทางหลวงข่าวสาร (Information Highway) โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานของการจัดการเครือข่ายสื่อสาร (Global information infrastructure ระดับโลก เครือข่ายดังกล่าวนี้หาได้ถูกกีดกั้นโดยอำนาจอธิปไตยของรัฐหรือขอบเขตพรมแดนแต่อย่างใด

                             2) มีการใช้เทคโนโลยีระดับสูง   เทคโนโลยีระดับสูงเป็นผลต่อเนื่องจากการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในช่วงหลังสังคมอุตสาหกรรม จนทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีหุ่นยนต์และกลศาสตร์ เทคโนโลยีวัสดุภัณฑ์ เทคโนโลยีนาโน เทคโนโลยีพลังงาน เทคโนโลยีอวกาศ ฯลฯ ความรู้เหล่านี้ได้รับประยุกต์ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกด้าน

                             3) เปลี่ยนแปลงวิธีคิดระยะสั้นเป็นการวางแผนระยะยาว   ในสังคมยุคใหม่หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน ประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ ไม่สามารถอยู่รอดได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการทำงานแบบเดิมๆ หน่วยงานยุคใหม่ต้องมีการกำหนดเป้าหมายชัดเจน กำหนดวิสัยทัศน์ ขอบเขต พันธกิจ และยุทธศาสตร์ทั้งระยะยาวและระยะสั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานของตน รวมทั้งสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ทุกขณะ

                                4) เกิดการกระจายอำนาจ   ในสังคมโลกยุคใหม่ อำนาจแท้จริงมิได้อยู่ที่การใช้กำลัง หรืออำนาจทางเศรษฐกิจตามลำพังอีกต่อไป แต่อำนาจแท้จริงอยู่ที่ความรู้ ดังที่กล่าวว่าสังคมปัจจุบันเป็นสังคมฐานความรู้ หรือระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ และการที่ความรู้ได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆออกไปอย่างกว้างขวาง ทำให้การรวมอำนาจสู่ศูนย์กลางเพื่อประโยชน์ของการควบคุมเป็นไปได้ยาก การกระจายอำนาจจึงเป็นสภาวการณ์ที่เลี่ยงไม่พ้น

                              5) เน้นการพึ่งพาตนเองมากขึ้น    ในขณะที่โลกยุคก่อน ประเทศมหาอำนาจ รัฐบาลกลาง หรือองค์การระหว่างประเทศ ทำหน้าที่พี่ใหญ่หรือผู้สั่งการ ในโลกยุคใหม่ชุมชนหรือหน่วยการเองย่อมต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น ผลคือเกิดการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชนและแต่ละประเทศ ในการดูแลตัวเองเป็นเบื้องต้น แทนที่จะคอยพึ่งพาการดูแลจากศูนย์อำนาจกลาง

                               6) เน้นระบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม   ประชาธิปไตยยุคใหม่เริ่มเคลื่อนไปสู่การมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น แทนที่จะมอบอำนาจหน้าที่ให้ตัวแทนเพียงอย่างเดียว ประชาชนได้เข้ามามีบทบาทในกิจการสาธารณะทั้งอย่างเป็นทางการและเป็นทางการ ทั้งนี้เพราะการสื่อสารที่สะดวกได้ช่วยเปิดหูเปิดตาให้ประชาชนรับรู้เรื่องราวรอบตัวมากขึ้น จึงเรียกร้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นการร่วมดำเนินการ หรือการตัดสินใจสาธารณะมากกว่าที่เคยเป็น ในหลายประเทศการมีส่วนร่วมดังกล่าวมีลักษณะของการใช้มวลชนกดดันหรือเรียกร้องให้รัฐดำเนินการตามที่กลุ่มต้องการ จนเกิดการกระทบกระทั่งและความรุนแรง ซึ่งสะท้อนสภาวะการเสื่อมถอยของอำนาจรัฐ บ่อยครั้งการดำเนินการของกลุ่มได้รับการสนับสนุนจากภายนอก หรือส่งผลให้เกิดการแทรกแซงจากภายนอกด้วย

                                7) เกิดการจัดการที่เน้นเครือข่าย  การทำงานในสังคมใหม่เน้นการแยกแยะหน้าที่เฉพาะส่วนและประสานกระบวนงานในลักษณะเครือข่าย ระบบงานแบบนี้เข้าแทนที่ระบบการทำงานครบวงจรของหน่วยงานแบบเดิม แต่ส่งเสริมให้แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการตามที่ตนเองถนัดที่สุด และมีการบูรณาการงานในภาพรวม เช่น กระบวนการประกอบรถยนต์อาศัยหลายหน่วยงานจากหลายประเทศเป็นผู้ดำเนินการ บางหน่วยงานผลิตชิ้นส่วน บางหน่วยงานประกอบ และหน่วยงานอื่นรับผิดชอบการขาย การซ่อมบำรุง เป็นต้น โดยแต่ละหน่วยเหล่านี้เป็นหน่วยงานเอกเทศ แต่ทำงานร่วมกันกับหน่วยงานอื่น

                                8) ประเทศกลุ่มใต้ได้รับความสำคัญมากขึ้น  ในโลกยุคใหม่ประเทศที่ไม่เคยได้รับความสนใจซึ่งมักถูกเรียกรวมๆว่าประเทศทางใต้ เช่น แอฟริกาและละติอเมริกา กลับกลายมาเป็นประเทศที่มีความสำคัญมากขึ้น เพราะหากประเทศเหล่านี้ได้รับความเดือดร้อนไม่ว่าด้วยภัยธรรมชาติหรือภัยที่เกิดจากมนุษย์ ประเทศอื่นก็ต้องได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย จึงทำให้ประเทศเหล่านี้ได้รับการเหลียวแลมากกว่าเดิม

                              9) เปิดช่องทางเลือกมากกว่าเดิม สังคมยุคใหม่เปิดทางเลือกต่างๆให้มากมาย อย่างน้อยพื้นที่ในการตัดสินใจ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในแต่ละประเทศอีกต่อไป แต่สามารถขยายไปยังพื้นที่อื่นๆบนผืนโลกได้ นอกจากนี้เทคโนโลยีได้ให้ทางเลือกในการดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่มากมาย

                    ต่อมาแนชบิและแพทริเซีย แอเบอร์ดีน (ในหนังสือชื่อ Megatrends 2000 พิมพ์เผยแพร่ใน ค.ศ.1984) ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงลักษณะอื่นๆอีกบางเรื่อง เช่น การกระเตื้องของเศรษฐกิจโลก การที่ผู้คนหวนไปสนใจงานศิลป์และฟื้นฟูศาสนา ระบอบสังคมยอมรับระบบตลาดเสรี เกิดวัฒนธรรมสากล สตรีมีบทบาทเพิ่มขึ้น ชีววิทยาได้รับความสนใจ เป็นต้น ซึ่งก็เกิดจากการสรุปจากการสังเกตของนักวิชาการ แต่ไม่สามารถนำไปอธิบายสำหรับแต่ละสังคมย่อยเสมอไปได้ ผู้สนใจอาจหาอ่านรายละเอียดได้จากหนังสือดังกล่าว

2.กระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกเข้าสู่กรอบเกณฑ์กลาง

                     เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มนุษย์มีความสนใจเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เมื่อใดก็ตามที่เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ สังคมที่แตกต่างกันย่อมสนใจที่จะเรียนรู้แลกเปลี่ยนระหว่างกัน ในขณะเดียวกันสังคมที่คิดว่าตนเองเหนือกว่าสังคมอื่น ก็พยายามถ่ายทอดค่านิยม แบบแผนวิธีปฏิบัติ หรือองค์ความรู้อื่นให้กับคนในสังคมที่ด้อยกว่า
ตลอดช่วงความเป็นมาของสังคมโลก กลุ่มสังคมที่มีโอกาสรับรู้เรื่องราวของสังคมอื่น มีแนวโน้มที่จะเลียนแบบ หรือประยุกต์ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมอื่นมาใช้ในสังคมของตน นอกจากนี้กระบวนการเรียนรู้อาจเกิดจากการผลักดันส่งเสริมของสังคมอื่นที่ต้องการเผยแพร่วัฒนธรรมและค่านิยมของตนด้วย

                   คามความหมายกว้างกระบวนการเรียนรู้ รับมาปฏิบัติและถ่ายทอดค่านิยมหรือวิธีคิดวิธีปฏิบัติในสังคมโลกปัจจุบัน อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ากระบวนการโลกาภิวัตน์ ซึ่งจะกล่าวในรายละเอียดภายหลัง
จากที่กล่าวข้างต้นย่อเห็นได้ว่าการรับรู้ ประยุกต์และเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม รูปแบบ และกระบวนการทางการเอง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ตลอดจนวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกให้เป็นไปในทางเดียวกันนั้น เกิดขึ้นมาช้านานแล้ว โดยเริ่มต้นจากสังคมที่อยู่ใกล้ชิดติดกันและขยายต่อไปยังสังคมที่ห่างไกลออกไป

.                   ในสมัยที่การคมนาคมติดต่อในสังคมโลกยังเป็นไปอย่างจำกัด ชุมชนต่างๆย่อมดำรงชีวิตอยู่ตามลำพัง แยกห่าง และกระจัดกระจาย ในลักษณะต่างคนต่างอยู่ การคบหาสมาคนติดต่อส่วนใหญ่เกิดในภูมิภาคใกล้เคียงเท่านั้น แต่เมื่อคนจากบงประเทศหรือบางสังคมสามารถดินทางไกลออกไปจากดินแดนของตน จนมีโอกาสสัมพันธ์กับคนในชุมชนอื่น การเชื่อมโยงประสานระหว่างวัฒนธรรมและชุมชนต่างๆในพื้นที่ซึ่งเคยอยู่กระจัดกระจายก็เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น ส่งผลให้วัฒนธรรมที่เจริญกว่าพยายามยัดเยียดค่านิยมของตนให้วัฒนธรรมที่ด้อยกว่า ตัวอย่างเช่น ความพยายามเผยแผ่ศาสนาคริสต์จากประเทศยุโรปไปยังชุชนต่างๆพร้อมกับความพยายามแสวงหาอาณานิคมของประเทศหาอำนาจ อย่างเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส
  
                   โรเบิร์ตสัน (Globalization หน้า 58-59) แบ่งพัฒนาการของโลกอันนำไปสู่สภาวะโลกาภิวัตน์ออกเป็น 5ขั้นตอนอย่างหยาบๆโดยมองจากแง่มุมของกลุ่มประเทศในยุโรปเป็นหลัก ดังนี้

                   ขั้นตอนแรกเป็นขั้นก่อตัว (the germinal phase เริ่มในยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ไปจนถึงกลางศตวรรษที่ 18โดยเริ่มมีการจัดตั้งรัฐชาติ ลดบทบาทของแว่นแคว้นศักดินา มีการขยายตัวของศาสนจักร ให้ความสำคัญแก่ความเป็นปัจเจกบุคคล และรับความคิดเรื่องมนุษยนิยม เริ่มยอมรับสภาวะของความเป็นโลกเดียวกัน มีการจัดทำแผนที่โลก ใช้ปฏิทินเกรกอเรียนแบบเดียวกัน เป็นต้น

                   ขั้นตอนที่สองเป็นขั้นตอนบ่มฟัก  (the incipient phase)  เริ่มจากกลางศตวรรษที่ 18 ไปจนถึงทศวรรษที่ 1870 เกิดการจัดตั้งรัฐชาติที่มีเอกภาพ มีการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการที่ชัดเจน เกิดองค์การและหน่วยงานจำนวนมาก มีการกำหนดกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ การสื่อสารระหว่างประเทศขยายตัว และเริ่มนำประเทศที่ไม่ใช่ยุโรปเข้าร่วมในสังคมระหว่างประเทศ

                 ขั้นตอนที่สามเป็นขั้นก้าวเดิน  (the takeoff phase) เริ่มจากกลางทศวรรษที่ 1920 ช่วงนี้มีการขยายแนวคิดความเป็นสากลมากขึ้น มีการกำหนดความหมายของสังคมระดับชาติหรือรัฐชาติที่ชัดเจน ให้ความสำคัญกับความเป็นตัวตนของบุคคลและรัฐชาติ ดึงประเทศนอกยุโรปเข้าไปร่วมในประชาคมโลก มีการกำหนดรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ชัดเจน พยายามสร้างแนวคิดเรื่องมนุษยชาติ การสื่อสารระหว่างประเทศขยายตัวกว้างขางขึ้นและรวดเร็วขึ้น มีการจัดกิจกรรมระหว่างประเทศ เช่น กีฬาโอลิมปิก รางวัลโนเบล กำหนดเส้นแบ่งเวลาโลก เกิดสงครามครั้งที่หนึ่งและสันนิบาตชาติ

                  ขั้นตอนที่สี่เป็นช่วงดิ้นรนเพื่อครองอำนาจในโลก (the struggle-for-hegemony phase) เริ่มจากต้นทศวรรษที่ 1920 ไปจนถึงทศวรรษที่ 1960 ช่วงนี้เป็นช่วงของความขัดแย้ง เนื่องจากมหาอำนาจบางประเทศต้องการเข้าครองอำนาจโลก ถึงแม้มีการกำหนดหลักการว่าด้วยความเป็นเอกราชของชาติแล้วก็ตาม ตึความขัดแงระหว่างกลุ่มพันธมิตรกับกลุ่มอักษะได้นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง เกิดองค์การสหประชาชาติ เมื่อสิ้นสงครามมีประเทศเอกราชเกิดใหม่เป็นจำนวนมาก ประเทศเหล่านี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มโลกที่สาม

                   ขั้นตอนที่ห้าเป็นช่วงที่ขาดความแน่นอน (the uncertainty phase) เริ่มจากทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา โลกต้องประสบปัญหาความขัดแย้งบ่อยขึ้น ช่วงนี้มีประเทศโลกที่สามเข้ามาร่วมในประชาคมโลกตอนปลายทศวรรษที่ 1960 มากขึ้น ประเทศเหล่านี้ถูกดึงเข้ามาอยู่ในกระแสความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเป็นเวลาหลายปีกว่าที่สงครามเย็นจะสิ้นสุดลง ปรากฏการณ์ที่วางพื้นฐานสู่สภาวะสากล ได้แก่ การจัดตั้งและขยายตัวขององค์การและขบวนการโลกมากาย แต่ละสังคมเผชิญปัญหาการมีวัฒนธรรมและชนชาติหลากหลาย เกิดแนวคิดที่ให้ความสนใจเรื่องสิทธิพลเองและมนุษยนิยม สังคมประชา การเป็นพลเมืองโลก ความขัดแย้งระหว่างค่ายอำนาจสองขั้วสิ้นสุดลง ระบบสื่อสารมวลชนระดับโลกได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและครอบคลุม

                     สรุปความได้ว่า  ในส่วนที่เป็นลักษณะของสังคมโลกปัจจุบัน ลักษณะเป็นสังคมข่าวสาร  การใช้เทคโนโลยีระดับสูง, เปลี่ยนวิธีคิดจากระยะสั้นเป็นการวางแผนระยะยาว, เกิดการกระจายอำนาจ, เน้นการพึ่งพาตนเองมากขึ้น, เน้นระบอบประชาธิปไตยแบบีส่วนร่วม, เกิดการจัดการที่เน้นเครือข่าย, ประเทศกลุ่มใต้ได้รับความสำคัญมากขึ้นและ เปิดช่องทางเลือกมากกว่าเดิม สำหรับ กระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกไปสู่กรอบเกณฑ์กลางนั้น  แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนก่อตัว, ขั้นตอนบ่มฟัก, ขั้นตอนก้าวเดิน, ขั้นตอนดิ้นรนเพื่อครองอำนาจโลก และ ชั้นตอนที่ขาดความแน่นอน



.........................................................................
คำถามท้ายบทเรียน
1.จงบอกถึงลักษณะสังคมโลกปัจจุบันว่ามีอะไรบ้าง
2.จงบอกถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกเข้าสู่รอบเกณฑ์กลางตามทัศนะของโรเบิร์ตสัน

...................................................................................

หล่งที่มา :  SO ๒๑๓๘      พลเมืองโลกในกระแสโลกาภิวัตน์

โดย : พลเรือตรีรองศาสตราจารย์ทองใบ ธีรานันทางกูร



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น