ความรับผิดชอบในฐานะพลเมืองโลกต่อการเปลี่ยนแปลง
บทบาทของนักวิชาการ นักการศึกษา
และผู้กำหนดนโยบายของรัฐ
เพื่อสร้างความพร้อมสำหรับการปรับสังคมไทยและพัฒนาคุณลักษณะของประชากรไทยให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์
ผู้มีบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบในการดำเนินการไม่ว่าจะเป็นนักคิด นักวิชาการ
นักการศึกษา ผู้กำหนดนโยบาย เจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้นำกลุ่มต่างๆในสังคม
ล้วนมีบทบาทสำคัญยิ่งในการกำหนดทิศทาง การส่งเสริมสนับสนุน การให้การศึกษาอบรม
การแนะแนวหรือการศึกษาวิจัย
และดำเนินการให้เป็นแบบอย่างหรือผลักดันให้คนรุ่นใหม่สามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้เพราะในสังคมยุคใหม่คุณภาพของคนเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งสำหรับการดำรงชีวิต
การพัฒนา การประดิษฐ์คิดค้นอันนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขันของสังคมไทย
1.ปัจจัยที่สนับสนุนการปรับตัวรองรับกระแสโลกาภิวัตน์
เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่เข้แข็งและก้าวหน้าพัฒนาต่อไปในกระแสโลกาภิวัตน์
อย่างน้อยต้องมีปัจจัยต่อไปนี้
1)โครงสร้างและระบบที่สอดครับกระแสโลกยุคใหม่
โครงสร้างและระบบต่างๆในสังคมไทย
ถูกสร้างมาเพื่อรองรับกรอบความเป็นอยู่ของสังคมอุตสาหกรรมเสียเป็นส่วนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นระบบราชการ ระบบเศรษฐกิจ ระบบการปกครอง ระบบบริหาร เป็นต้น
เมื่อโลกก้าวเข้าสู่สังคมเทคโนโลยีข่าวสารซึ่งมีแบบแผนการดำรงชีวิตแตกต่างไปจากที่เคยเป็น
ระบบเดิมที่เคยใช้อยู่ย่อมไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
จึงก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความล่าช้าในการพัฒนา การถ่วงรั้งหรืออุปสรรคนานัปการ
เช่น ระบบราชการไทยไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมได้ทันท่วงที
มีความล่าช้าในการตอบสนองความต้องการของประชาชน มีค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น
มีการทำงานซ้ซ้อนไม่ประสานกัน ใช้ทรัพยากรเปลือง ฯลฯ
หรือระบบการศึกษาไม่สามารถผลิตผู้เรียนยุคใหม่ให้มีคุณสมบัติจำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่
เกิดการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง บุคลากรยังเคยชินกับการเรียนการสอนแบบเดิม เป็นต้น
เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างและระบบให้สอดคล้องกับสังคมใหม่
หลายประเทศในโลกจึงต้องเร่งรัดผลักดันและดำเนินการปฏิรูปอย่างจริงจัง ความหายของการปฏิรูป
คือ การปรับ เปลี่ยนโครงสร้าง ระบบ และกระบวนการในเรื่องที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว
กว้างขวาง และจริงจัง
ซึ่งประเทศที่ประสบความสำเร็จจนสามารถยกตัวเองให้อยู่ในระดับแนวหน้าของโลกจากแง่มุมของการแข่งขันเป็นประเทศที่ก้าวหน้าและพัฒนามานาน
เพราะอยู่ในกลุ่มหัวขบวนของการใช้รูปแบบวิธีการของสังคมแห่งการเรียนรู้ในระบบเทคโนโลยีสื่อสารมาก่อน
ส่วนประเทศที่มีระดับการพัฒนารองลงไป
ในระยะเริ่มแรกมักประสบปัญหาอุปสรรคในกระบวนการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
อันเนื่องมาจากความไม่เข้าใจ ความเคยชินติดยึดกับรูปแบบวิธีทำงานแบบเดิม การสูญเสียผลประโยชน์
หรือทัศนคติต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
ส่งผลให้ความพยายามปฏิรูปด้านต่างๆไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง
หรือมีความล่าช้า แก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด หรือผิดทาง
ซึ่งกลายเป็นการถ่วงรั้งโอกาสของการพัฒนาไปอย่างน่าเสียดาย
สำหรับโครงสร้างและระบบเศรษฐกิจในประเทศไทยนั้น
ดูจะก้าวหน้าไปรวดเร็วกว่าการดำเนินการภาครัฐ
เนื่องจากกลุ่มธุรกิจและผู้ประกอบการต่างๆมีความเป็นอิสระมากกว่าและจำเป็นต้องพึ่งพาระบบสากลอยู่แล้ว
จึงสามารถเปลี่ยนไปได้เร็วกว่า
ในทำนองเดียวกันโครงสร้างแลละระบบสังคมวัฒนธรรมซึ่งปลอดจากการกำกับของรัฐ ทำให้ผ็คนหันมาดำรงชีวิตตามกระแสสากลมากขึ้นแต่ไร้ทิศทาง
เช่น
เข้าสู่วัฒนธรรมบริโภคนิยมและวัตถุนิยมอย่างรวดเร็วซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่อเอกลักษณ์
ค่านิยม และวิถีชีวิตแบบไทยอย่างมาก
2)
ระบบการเรียนรู้ที่กว้างขวางและครอบคลุม
สังคมยุคใหม่เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ หมายความว่า
แต่ละสังคมต้องจัดวางระบบให้ประชากรสามารถเข้าถึงข่าวสารข้อมูลและแหล่งเรียนรู้ได้อย่างสะดวก
ซึ่งเทคโนโลยีข่าวสารปัจจุบันเอื้อให้เกิดได้อยู่แล้ว
จึงเป็นภาระที่รัฐและหน่วยงานต่างๆต้องพัฒนาสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและทั่วถึงในสังคมไทย
สำหรับการให้การศึกษาอย่างเป็นทางการแบบเดิมทั้งในระดับพื้นฐานและในระดับอุดมศึกษาโดยผ่านสถาบันการศึกษาที่รัฐจัดให้อย่างเป็นทางการนั้น
กำลังถูกแทนที่หรือเสริมเติมโดยหน่วยงานภาคเอกชนและสถาบันข้ามชาติ
ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาระดับอุดมศึกษาอาจได้รับผลกระทบมากขึ้นเพราะรัฐไม่สามารถจัดสรรงบปราณสนับสนุนได้เพียงพอเนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายทางอื่นเพิ่มมากขึ้น
ค่าใช้จ่ายเพื่อรับบริการในระดับอุดมศึกษาจึงถูกโอนให้เป็นภาระของผู้เรียนหรือครอบครัว
ดังกรณีการจัดระบบกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา และการตัดทอนงบประมาณสนับสนุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา
เป็นต้น
ทั้งนี้การพัฒนาระบบต้องเป็นไปพร้อมกับการพัฒนาวัฒนธรรมการเรียนรู้ของประชากรด้วย
3) ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เชื่อมโยงกับระบบสากล
สังคมฐานความรู้จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ทันสมัย
และประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก เพื่อใช้ประโยชน์ในการเรียนรู้และการใช้งาน
ดังนั้นรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆต้องพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของตนอย่างจริงจังโดยมีการจัดเก็บข้อมูล
การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึง
การใช้ข้อมูลเพื่อประกอบการนำเสนอทางเลือกและการตัดสินใจ และการติดตามประเมินผล
การพัฒนาระบบดังกล่าวจึงครอบคลุมไปถึงการจัดระบบโครงสร้างเพื่อการสื่อสารและโทรคมนาคมที่รวดเร็ว
มีการเชื่อมโยงกับระบบสากล มีการพัฒนาและประยุกต์ใช้เครื่องมือ สื่อ
อุปกรณ์สารสนเทศเพื่อการเก็บ ประมวล การสืบค้น และส่งต่อข้อมูล รวมไปถึงทัศนคติของประชากรที่ให้ความสำคัญกับการพึ่งพาข้อมูลเพื่อประโยชน์ของการวิเคราะห์และการตัดสินใจ
4) กำลังคนที่มีคุณภาพ
สังคมที่เข้มแข็งต้องมีกำลังคนที่มีปริมาณเหมาะสมและมีคุณภาพ กำลังคนที่มีคุณภาพ
หมายถึง คนที่มีความรู้ความสามารถ มีทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพยุคใหม่
เป็นคนใฝ่รู้
และมีความสามารถในการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพตามคุณลักษณะของคนยุคใหม่ดังกล่าวมาแล้ว
ทั้งนี้ในโลกยุคใหม่คุณภาพมนุษย์เป็นปัจจัยสำคัญของการแข่งขันระหว่างประเทศ
กล่าวคือ คุณภาพของคนในการประดิษฐ์คิดค้นดัดแปลง
การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ
การใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมออุปกรณ์ในระบบการทำงานยุคใหม่อย่างมีประสิทธิภาพย่อมส่งผลดีต่อการส่งออกและรายรับของประเทศ
2.บทบาทของนักวิชาการและผู้กำหนดนโยบาย
เพื่อพัฒนาระบบ โครงสร้าง สภาพแวดล้อม
และปัจจัยที่เหาะสมสำหรับการเผชิญโลกาภิวัตน์อย่างมีประสิทธิภาพ บรรดานักวิชาการ
นักวิชาการศึกษา และผู้กำหนดนโยบายควรมีบทบาท ดังนี้
1)
ให้ความสำคัญกับการศึกษาเพื่อสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับโลกาภิวัตน์ทั้งในภาพรวมและในส่วนที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
การศึกษานี้ครอบคลุมทั้งในแง่ของการรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับโลกาภิวัตน์
ความเป็นมาและผลของโลกาภิวัตน์จากแง่มุมของศาสตร์สาขาวิชาต่างๆ
การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของโลกาภิวัตน์ที่ต่อประเทศไทย
2)
ศึกษาความพร้อมและปัจจัยที่เป็นอุปสรรคของประเทศไทยในการเผชิญกระแสโลกาภิวัตน์
การศึกษาเรื่องโลกาภิวัตน์มิได้จำกัดเพียงประโยชน์เชิงวิชาการอย่างเดียว
แต่เป็นเรื่องที่ต้องมีการวิเคราะห์ในรายละเอียดของแต่ละประเด็น แต่ละพื้นที่
แต่ละกิจการ
และแต่ละกลุ่มประชากรที่จะได้รับผลซึ่งต้องการนักวิชาการจากต่างสาขาวิชาช่วยกันหาคำตอบ
เพื่อนำไปสู่ยุทธศาสตร์หรือข้อเสนอแนะสำหรับการดำเนินการโดยฝ่ายนโยบายหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ
3)
ศึกษาเปรียบเทียบประสบการณ์ของประเทศต่างๆที่ต้องเผชิญกระแสโลกาภิวัตน์
การศึกษาประสบการณ์ของโลกาภิวัตน์ในประเทศหรือกลุ่มสังคมต่างๆนอกประเทศ ซึ่งฒ๊ผู้ศึกษาวิเคราะห์รวบรวมมาแล้ว
จะช่วยให้บทเรียนสำหรับการดำเนินการในประเทศไทย ถึงแม้จะมีบริบทต่างกันก็ตาม
จึงเป็นภาระที่นักวิชาการควรให้ความสนใจรวบรวม
และนำเปรียบเทียบกับสภาวการณ์ในประเทศ
เพื่อสร้างความตื่นตัวสำหรับกลุ่มประชากรที่จะได้รับผลกระทบและหน่วยงานที่มีหน้าที่ป้องกันหรือแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้น
4)
เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโลกาภิวัตน์ในลักษณะต่างๆ
ความรู้เกี่ยวกับโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะในส่วนที่จะส่งผลต่อสังคมไทย
เป็นหัวข้อสำคัญที่นักคิดนักวิชาการจำเป็นต้องมีส่วนรับผิดชอบในการเผยแพร่อย่างกว้างขวางไปยังกลุ่มคนที่จะได้รับผล
รวมทั้งเผยแพร่ให้นักศึกษาได้รับทราบเพื่อสร้างความตระหนักและความสนใจวิเคราะห์เหตุการณ์
อันจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยเกิดความพร้อมในการเผชิญสถานการณ์ที่จะเกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์อย่างมีประสิทธิภาพ
5).ให้ข้อเสนอแนะทั้งเชิงนโยบาย
แนวทางปฏิบัติ และมาตรการดำเนินการที่เหมาะสม
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสภาวะของโลกาภิวัตน์
และผลกระทบที่เกิดหรือน่าจะเกิดต่อประเทศไทยย่อมช่วยให้นักวิชาการและผู้กำหนดนโยบายสามารถคาดการณ์และกำหนดยุทธศาสตร์หรือแนวทางปฏิบัติให้ตรงกับสภาพที่เกิดขึ้น
วิชาโลกาภิวัตน์จึงเป็นวิชาจำเป็น
สมควรได้รับการวิเคราะห์ต่อเนื่อง
มีการวิจัยและสร้างองค์ความรู้เพื่อใช้เผยแพร่หรือประยุกต์ให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อม
สำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นวิชาการด้านการศึกษาและมีหน้าที่อบรมสั่งสอนผู้อื่น
นอกจากจะต้องให้ความสนใจติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับโลกาภิวัตน์และโลกาภิวัตน์ศึกษาแล้ว
ยังมีบทบาทสำคัญในการศึกษาวิจัยเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับผลของโลกาภิวัตน์ที่ต่อผู้เรียนรู้และระบบกาศึกษาของไทย
ข้อมูลและผลวิเคราะห์ที่ได้มาจะช่วยให้แนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการจัดการเรียนการสอนระดับต่างๆในประเทศได้อย่างเหาะสม
และในฐานะนักการศึกษาก็จำเป็นที่จะต้องถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวให้แก่ผู้เกี่ยวข้องได้รับรู้รับทราบเพื่อประโยชน์ของการนำความรู้ไปประยุกต์ให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป
........................................................................
คำถามท้ายบทเรียน
1.จงบอกถึงปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการปรับตัวรองรับกระแสโลกาภิวัตน์ว่ามีอะไรบ้าง
2.จงบอกถึงบทบาทของนักวิชาการและผู้กำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาระบบ
โครงสร้าง สภาพแวดล้อม
และปัจจัยที่เหมาะสมสำหรับเผชิญโลกาภิวัตน์อย่างมีประสิทธิภาพว่ามีอะไรบ้าง
.................................................................................
แหล่งที่มา :
SO ๒๑๓๘
พลเมืองโลกในกระแสโลกาภิวัตน์
โดย : พลเรือตรีรองศาสตราจารย์ทองใบ
ธีรานันทางกูร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น