วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561

7. ความสัมพันธ์และผลกระทบของโลกาภิวัตน์ต่อสังคมโลกและมนุษย์




 ความสัมพันธ์และผลกระทบของโลกาภิวัตน์ต่อสังคมโลกและมนุษย์



* ผลกระทบทางเศรษฐกิจ *
                กระแสโลกาภิวัตน์นำไปสู่การเกิดขึ้นของระเบียบเศรษฐกิจใหม่ของโลก โดยลดอุปสรรคหรือสิ่งกีดขวางการค้าระหว่างประเทศ เช่น ภาษีอากร ศุลกากร และโควตาสินค้านำเข้า เป้าหมายสำคัญคือการเพิ่มความมั่งคั่งและปริมาณของสินค้าและบริการโดยแบ่งความเชี่ยวชาญในการผลิตและบริการร่วมกัน ผลของกระแสโลกาภิวัตน์ทำให้เกิดเอกภาพของระบบเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยอาศัยการคมนาคมสื่อสาร การขนส่ง การค้า การเคลื่อนย้ายทุน การลงทุนตรงจากต่างประเทศ การอพยพเคลื่อนย้ายประชากร การใช้เทคโนโลยี และบางครั้งมีการใช้กำลังทหารช่วยสนับสนุนกระบวนการด้วย

             ผลกระทบทางเศรษฐกิจครอบคลุมไปถึงเรื่องของการเคลื่อนไหวทางการเงิน การค้า การลงทุนจากต่างประเทศ คามช่วยเหลือจากต่างประเทศ การดำเนินการของธนาคารพาณิชย์ การทำงานของสถานประกอบการต่างๆทั้งในประเทศ สถานประกอบการข้ามชาติ และกระทบต่อสภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย หมายความว่า องค์การ กลุ่มบุคคล หรือผู้ประกอบการสามารถทำธุรกรรมระหว่างกันได้โดยตรงโดยไม่ถูกจำกัดจากกฎระเบียบหรือการแทรกแซงจากอำนาจรัฐของแต่ละประเทศได้มากขึ้น

               ประเด็นสำคัญของผลกระทบขึ้นอยู่กับความรวดเร็วของการติดต่อแลกเปลี่ยนทางการเงิน ทุน การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ ดังเห็นไดว่าการเคลื่อนย้ายแหล่งทุนจำนวนมหาศาลจากการประกอบการในประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งสามารถทำได้ภายในช่วงเวลาสั้นและแทบไม่มีข้อจำกัด

          กลุ่มสำคัญที่แสวงหาประโยชน์และรับประโยชน์และผลักดันกระแสโลกาภิวัตน์ให้ส่งผลรุนแรงขึ้น คือ กลุ่มผู้ประกอบการข้ามชาติ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น และมีพลังทางการเงินหนุนหลังมหาศาล จริงอยู่ระดับและขอบเขตของกลุ่มประกอบการข้ามชาติในการดำเนินการในประเทศอื่นอาจถูกจำกัดจากเงื่อนไขทางกฎหมายและระเบียบกติกาของประเทศที่ตนไปลงทุน แต่โอกาสที่เปิดจากการลดข้อจำกัดทางธุรกรรมและความสะดวกที่เกิดจากระบบโทรคมนาคมสื่อสารส่งผลให้กิจกรรมข้ามชาติเป็นไปอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในอดีต และการดำเนินงานของกลุ่มประกอบการเหล่านี้ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศที่ตนเข้าไปดำเนินการอย่างมากเช่นกัน ตัวอย่างเช่น การประกอบการของเครือข่ายร้านค้าปลีก เครือข่ายร้านอาหาร หรือเครือข่ายร้านสินค้าแบรนเมจำนวนมหาศาลซึงเข้าไปทำธุรกรรมในแต่ละประเทศทั่วโลกนับวันแต่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกขณะ
ถึงแม้กระแสโลกาภิวัตน์จะทำให้คนในประเทศต่างๆโดยเฉพาะประชากรในสังคมกำลังพัฒนาหรือสังคมยากจนได้รับรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมที่เจริญแล้ว แต่คนเหล่านี้จำนวนน้อยมากได้รับอานิสงส์จากการรับรู้ดังกล่าว เนื่องจากขาดปัจจัยทางการเงินมาช่วยเกื้อหนุน

                อันที่จริงแล้วการแลเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในระดับสากลส่งผลให้ประเทศยากจนเป็นฝ่ายเสียเปรียบเนื่องจากต้องส่งสินค้าพื้นบ้าน เช่น สินค้าทางการเกษตร หัตถกรรม  หรือทรัพยากรธรรมชาติที่มีราคาถูกเป็นสินค้าแลกเปลี่ยนกับสินค้าอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ หรือทรัพย์สินทางปัญญาในอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นธรรม ในปี ค.ศ. 2007 นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกชื่อ แบรนโค มิลาโนวิค (Branko Milanovic) (นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายเซอร์เบีย) วิจารณ์ว่าคนในประเทศกำลังพัฒนามีกำลังซื้อลดลงและไม่เท่าเทียมกัน เมื่อเปรียบเทียบกับกำลังซื้อของคนในประเทศพัฒนาแล้ว กล่าวคือ คนในประเทที่เจริญแล้ว หรือมีฐานะดีแล้วในแต่ละประเทศคือคนกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัตน์ ส่วนคนที่ยากจนหรือด้อยโอกาสก็ยังคงมีสภาพความเป็นอยู่ไม่แตกต่างจากเดิม

           กระแสโลกาภิวัตน์ส่งผลทำให้เกิดความแตกต่างของรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกันทั้งระดับระหว่างประเทศและภายในประเทศ หมายความว่า ช่องว่างทางรายได้ทั้งในระดับชาติและระดับบุคคลกลับเพิ่มมากขึ้น การกระจายรายได้ของโลกขาดความคล่องตัวสม่ำเสมอ คนที่มีรายได้ต่ำยังมีจำนวนคงที่หรือเพิ่มมากขึ้น แต่คนมีรายได้สูงจำนวนเท่าเดิมหรือในสัดส่วนที่น้อยกว่าเดิมกลับมีรายได้มากขึ้น กล่าวคือ ส่วนแบ่งรายได้มิได้รับการกระจายไปยังคนที่มีรายได้ต่ำอย่างที่ควรเป็น

               ในปี ค.ศ. 1992 สหประชาชาติรายงานว่า กลุ่มคนที่ร่ำรวยซึ่งมีจำนวนร้อยละ 20 ของประชากรโลกเป็นพวกที่มีรายได้ร้อยละ 82.7 ของโลกทั้งมด ซึ่งแสดงให้เห็นการกระจายรายได้ของโลกที่ไม่สม่ำเสมออย่างมาก
โดยสรุป ลาภิวัตน์ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวแลกเปลี่ยนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและธุรกรรมอย่างสะดวก จนเกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการอย่างคล่องตัวทั่วโลก ทำให้คนในประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาได้รู้จักและเข้าถึงสินค้าแปลกใหม่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตอย่างที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน แต่สินค้าและบริการเหล่านี้มีราคาแพงเนื่องจากอ้างอิงมาตรฐานราคาสากล

                ผลที่เกิดขึ้น คือ ความมั่งคั่งถูกกระจุกตัวอยู่กับประเทศที่ร่ำรวยแล้วซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หรือสั่งสมกำไรจากการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนาโดยอาศัยประโยชน์จากค่าแรงที่ต่ำ ส่วนประเทศที่กำลังพัฒนาต้องสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิต แรงงานได้ค่าตอแทนต่ำ เกิดความเสียหายต่อสภาวะแวดล้อม สุขภาพอนามัย และความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศต่างๆนับวันจะมีมากขึ้นกว่าเดิม
สำหรับในส่วนที่ที่กระแสโลกาภิวัตน์มีส่วนกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรนั้น นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านยอมรับว่า กระแสโลกาภิวัตน์มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่างๆโดยเฉพาะประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจและสังคมที่เชื่อมโยงและพึ่งพิงกับต่างประเทศสูง ดังเช่น ประเทศไทย กระแสโลกาภิวัตน์ส่งผลต่อเศรษฐกิจหลายด้าน ได้แก่

         1.โครงสร้างการผลิตของไทย มีการเปลี่ยนแปลงไปโดยภาคเกษตรกรรมได้ลดความสำคัญลงแต่การผลิตในภาคอุตสาหกรรมและบริการมีความสำคัญเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้องอาศัยสินค้าทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและเงินทุนจากต่างประเทศมากขึ้น

      2.มีการขยายตัวทางด้านการค้าสินค้าต่างๆกับประเทศต่างๆ  ในโลกอย่างแพร่หลาย ทั้งทางด้านสินค้าออกและสินค้าเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างสินค้าออกได้เปลี่ยนไปโดยสินค้าออกด้านคอมพิวเตอร์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์และส่วนประกอบกลับมีความสำคัญและส่งออกได้เป็นมูลค่าสูงกว่าสินค้าเกษตร แต่ทำให้ประเทศไทยต้องนำเข้าสินค้ากึ่งสำเร็จรูปและพลังงานจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงขึ้น ส่งผลให้อัตราการพึ่งพาต่างประเทศสูงขึ้น

      3.มีการพัฒนาและจัดระบบการบริหารจัดการทางธุรกิจใหม่ โดยมีความพยายามพัฒนาการบริหารโดยมืออาชีพ การควบคุมคุณภาพ การทบทวนการปฏิบัติงาน ความคิดและสร้างสรรค์การทำงาน และการตัดสินใจในเชิงรุกและกล้าเผชิญหน้ามากขึ้น มีการจัดนิทรรศการสินค้าไทยในงานต่างๆและเปิดโอกาสให้นักธุรกิจไทยได้มีโอกาสติดต่อกับผู้ซื้อในต่างประเทศโดยตรง

        4.ธุรกิจต่างๆในประเทศไทยยังมีขนาดเล็กและขนาดกลาง รัฐบาลจึงมีนโยบายส่งเสริมธุรกิจเอสเอมอี (small and medium enterprise SMEs) ทั้งในด้านเงินทุน ความรู้ความสามารถทางด้านการผลิต การตลาดและการบริหารจัดการ เพื่อให้ธุรกิจ SMEs มีโอกาสขยายตัวเป็นธุรกิจขนาดใหญ่

          5. ตลาดการเงิน (financial market) ของไทยมีความเชื่อมโยงกับตลาดการเงินของโลกมากขึ้นโดยตลาดการเงินไทยมีการปรับระบบ ระเบียบและกฎเกณฑ์ของสถาบันการเงินต่างๆให้สอดคล้องกับระบบสากล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันและพยายามผ่อนคลายการควบคุมด้านการเงิน เพื่อเริ่มเปิดเสรีตลาดเงินในไทยให้ผู้ประกอบการต่างประเทศเข้ามาดำเนินกิจการทางการเงินในประเทศไทยได้มากขึ้น

          6.การส่งเสริมการลงทุนข้ามชาติ เพื่อให้นักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยตรงโดยการสร้างโรงงานผลิตสินค้าและบริการหรือเข้ามาลงทุนทางอ้อม ด้วยการเข้ามาลงทุนในตลาดทุน ในธุรกิจต่างๆทั้งทางด้านโทรคมนาคม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการบิน ธุรกิจเดินเรือ และธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศโดยการลงทุนทางตรง รัฐบาลได้ตั้งหน่วยงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment) เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งเสริมการลงทุนแก่นักลงทุนชาวต่างประเทศและชาวไทย การออกพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็มีการตั้งหน่วยงานเพื่อรับรองมาตรฐานสินค้า

         7.ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้มีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง ของข้อมูลข่าวสารความรู้สมัยใหม่ ค่านิยมเรื่องการบริโภค เกิดค่านิยมตามกระแสสากล ทำให้ธุรกิจต่างๆต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด

           8.การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเงินและการตลาดระหว่างประเทศจะต้องดำเนินงานตามกฎ กติกา และบทบัญญัติขององค์การระหว่างประเทศที่เป็นสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย กองทุนการเงินระหว่างประเทศ องค์การการค้าโลก สหภาพยุโรป กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหรือเอเปค เขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า การทำสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศต่อประเทศ
             โลกภิวัตน์เข้ามาพร้อมกับกระแสทุนนิยม ในอดีตประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขายในเอเชียตะวันอกเฉียงใต้และเริ่มมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2504-2509) ที่เริ่มเน้นการผลิตแบบอุตสาหกรรม ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การแข่งขันทางเศรษฐกิจกับนานาชาติ ระบบทุนนิยมเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆในสังคมไทย เกิดการแสวงหากำไรของนายทุนให้ได้มากที่สุด โดยใช้ต้นทุนการผลิตต่ำสุด เมื่อจุดเริ่มต้นในการแสวงหากำไรดังกล่าวกิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงได้ก่อให้เกิดปัญหาติดตามมาหลายประการที่สำคัญได้แก่


           1.ปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ความเสื่อมโทรมของดินที่ใช้มากและใช้ไม่ถูกวิธี ความเสื่อมเสริมของป่าชายเลนจากการเลี้ยงกุ้ง การปล่อยของเสียลงในแม่น้ำลำคลอง เนื่องมาจากความต้องการขยายกำลังการผลิตสนองความต้องการของตลาด ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมลงไปอย่างรวดเร็ว ผลที่เกิดขึ้นก็คือการเกิดปัญหาภาวะโลกร้อน ปัญหามหาอุทกภัยน้ำท่วมในปี พ.ศ. 2554 จำนวนถึง 54 จังหวัด นับว่าเป็นปัญหาน้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดในประเทศไทย

       2.ในยุคโลกาภิวัตน์ประเทศไทยในบางช่วงความผันผวนของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ไม่สามารถปรับตัวได้ทันและเกิดปัญหาเศรษฐกิจซบเซา เช่น ในช่วงปี พ.ศ. 2539-2540 ประเทศไทยเกิดปัญหาด้านเศรษฐกิจหลายประการได้แก่  ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ได้สูงขึ้น ปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดวิกฤตอย่างมาก ดัชนีราคาในตลาดหุ้นลดลง เศรษฐกิจตกต่ำ สถาบันการเงินหลายแห่งต้องถูกปิดกิจการ รวมทั้งมีการโจมตีค่าเงินบาทของนักเก็งกำไรต่างชาติเป็นจำนวนมาก ปัญหาเศรษฐกิจของไทยยังลุกลามไปยังประเทศในแถบเอเชียอีกหลายประเทศ ซึ่งรัฐบาลและภาคเอกชนต้องใช้เวลาในการแก้ไขหลายปี

         3.โลกาภิวัตน์กับเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมักก่อให้เกิดการว่างงาน ประชาชนขาดรายได้จนเกิดปัญหาการโจรกรรม ปัญหาสังคมติดตามมาอย่างมาก

            4.ในระบบทุนนิยมตามกระแสเศรษฐกิจ นายทุนดำเนินกิจกรรมการผลิตก็พอต้องการให้ได้กำไรสูงสุด ดังนั้นจึงพยายามที่จะจ่ายค่าจ้างแรงงานให้ต่ำเพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำหรือขายสินค้าที่ราคาสูงจนแรงงานและผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนและก่อให้เกิดปัญหาการกระจายรายได้ที่ไม่เหมาะสมส่งผลต่อคามเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย

        5.ประเทศไทยยังมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีน้อย ประกอบกับการวิจัยและพัฒนายังมีน้อยเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนา ทำให้ประเทศไทยต้องซื้อเครื่องจักรกลอุปกรณ์และเทคโนโลยีอื่นๆจากต่างประเทศทำให้เศรษฐกิจของประเทศเป็นเศรษฐกิจแบบพึ่งพา ขณะเดียวกันการซื้อสินค้าและเทคโนโลยีจากต่างประเทศมากๆทำให้เกิดปัญหาการขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง

          6.ปัญหาการเลียบแบบการบริโภค และภาวการณ์แข่งขันสูงขึ้น ราคาสินค้าต่ำลงโยเฉพาะสินค้าที่มีความต้องการในตลาดโลกสูง และสินค้าที่ประเทศจีน เม็กซิโก และประเทศใหม่ๆหลายประเทศสามารถผลิตได้ อันเนื่องมาจากข้อได้เปรียบด้านแรงงานราคาถูก ความรู้ ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมทั้งนวัตกรรมและผลิตภาพที่สูงของประเทศเหล่านั้น ทำให้เกิดปัญหาดุลการค้าของไทยขาดดุลมากยิ่งขึ้น

               7.ปัญหาการว่างงานเนืองจากมีการนำเอาเทคโนโลยีที่ประหยัดแรงงานเข้ามาใช้ หรือเป็นเทคโนโลยีที่ใช้แทนแรงงาน ทำให้แรงงานในประเทศเกิดการว่างงาน ขาดรายได้จนอาจนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ



...............................................................
คำถามท้ายบทเรียน
1.กระแสโลกาภิวัตน์นำไปสู่การเกิดขึ้นของระเบียบเศรษฐกิจใหม่ของโลกอย่างไรบ้าง จงอธิบายมาแต่พอสังเขป
2.กระแสโลกภิวัตน์มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรบ้าง จงอธิบายมาแต่พอสังเขป


...................................................................

หล่งที่มา :  SO ๒๑๓๘      พลเมืองโลกในกระแสโลกาภิวัตน์
โดย : พลเรือตรีรองศาสตราจารย์ทองใบ ธีรานันทางกูร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น